-
2 แบงก์ระดับโลก! ปล่อยกู้บินไทยซื้อแอร์บัส 2 ลำ
นายไซมอน เพอร์กินส์ กรรมการผู้จัดการสินเชื่อเพื่อการบินของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เปิดเผยว่า ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และ Natixis จัดสรรเงินกู้ร่วมหลายล้านดอลลาร์ เพื่อซื้อเครื่องบินแอร์บัส 320-200 จำนวน 2 ลำ
ให้แก่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) สายการบินแห่งชาติของประเทศไทย โดยเงินกู้ร่วมกำหนดระยะเวลา 12 ปีนี้ ดำเนินการร่วมและจัดสรรโดยธนาคารทั้งสองแห่ง
เพื่อซื้อเครื่องบินจำนวน 2 ลำซึ่งส่งมอบแล้วเมื่อเดือนตุลาคมและธันวาคม 2557 และให้เช่าช่วงต่อแก่ บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด
ทั้งนี้ การบินไทย ถือหุ้น 100% ใน ไทยสมายล์แอร์เวย์ ซึ่งเป็นสายการบินระดับพรีเมียมที่เน้นคุณภาพของบริการและราคาที่คุ้มค่า สินเชื่อครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสนับสนุน เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของการบินไทยและไทยสมายล์ที่
ต้องการกระตุ้นการเติบโตตลาดการบินในประเทศและเส้นทางการบินระยะสั้น “ธนาคารฯ ยินดีที่ได้ร่วมมือกับการบินไทย ในการจัดสรรสินเชื่อเพื่อซื้อเครื่องบินให้แก่การบินไทยซึ่งเป็นลูกค้ารายสำคัญของธนาคาร”นายไซมอน กล่าว
http://news.mthai.com/hot-news/414822.html
0เพิ่มความคิดเห็น
-
การเตรียมบ่อให้ใช้ปูนขาวปรับสภาพดินให้เหมาะกับการเลี้ยงปลาดุก 60 ถึง 100 กิโลกรัมต่อไร่ โรยให้ทั่วบริเวณบ่อ ใส่ปุยคอก 200กิโลกรัมต่อไร่ แล้วปล่อยน้ำเข้า ประมาณ 50 Cm. ปล่อยทิ้งไว้ 5 วัน หรือสังเกตุจากสีของน้ำถ้าเป็นสีเขียวก็ใช้ได้ครับ ตรวจวัดความเป็นกรดด่างให้อยู่ 7.5 – 8.5 ถ้ายังไม่ถึงให้เติมปูนขาวเพิ่มได้อีกครับข้อแนะนำ ควรมีการทำร่มเงาให้เป็นที่พักจากความร้อนของลูกปลา เพื่อลดการตายของลูกปลาจากความร้อนครับการเตรียมพันธ์ปลาควรเลือกลูกปลาทีมาจากแหล่งที่มีความน่าเชื่อถือ เป็นอันดับแรก ส่วนการดูลูกปลานั้นให้เลือกที่มีความแข็งแรง วายน้ำได้เร็ว ลำตัว หน่วด ครีบ หาง สมบูรณ์ ไม่ว่ายน้ำหงายท้องหรือ ตั้งฉากกับน้ำก่อนการปล่อยลูกปลาลงสู่บ่อควรเอาถุงปลาแช่น้ำในบ่ 10-15 นาทีเพื่อเป็นการปรับอุณหภูมิให้เเท่ากัน ป้องกันการช็อคน้ำของลูกปลา ขนาดลูกลูกปลาที่จะปล่อยควรมีขนาดเท่ากับนิ้วมือ จะเพิ่มอัตราการรอดให้มากยิ่งขึ้นครับ ปริมาณที่เหมาะสมในการเลี้ยงปลาอยู่ที่ 80,000-100,000 ตัวต่อไร่การเลือกอาหารปลาถือเป็นเรื่องที่สำคัญลำดับต้นๆ ของการเลี้ยงปลาดุก เพราะต้นทุนกว่า 80% ของการเลี้ยงปลาดุกอยู่ที่อาหารครับ เราจึงต้องพิถีพิถันในการเลือกอาหารปลาให้มาก ไม่ว่าจะเป็นสีสัน กลิ่น ขนาดของเม็ด การลอยตัวในน้ำ ล้วนต้องเอาใจใส่มากๆเลย1. เลือกอาหารให้เหมาะกับอายุของปลาด้วย หากเลือกไม่เหมาะสม จะทำให้ปลากินอาหารไม่ได้ หรือ การให้อาหารไม่เพียงพอครับ- ลูกปลาดุกขนาด 1-4 เซ็นติเมตร เลือกใช้อาหารปลาดุกขนาดเล็กพิเศษ- ลูกปลาดุกขนาด 3 เซ็นติเมตร เลือกใช้อาหารสำหรับปลาดุก 1-3 เดือน2. ขนาดของเม็ดต้องใกล้เคียงกัน ไม่มีกลิ่นหืน ไม่เป็นฝุ่น3. การลอยตัวในน้ำ ไม่ควรจมลมเร็วเกินไปครับ เพราะนั่นหมายถึงอาหารปลาอาจจะมีความชื้นมากเกินไป4. ระวังอาหารปลาที่ขึ้นราด้วยนะครับ เพราะจะเป็นสาเหตุให้ลูกปลาตายได้จำนวนมากครับข้อแนะนำก่อนการเริ่มปล่อยปลาลงสู่บ่อ ควรมีการวัดอัตราการกินอาหารของลูกปลา เพื่อไม่ให้อาหารมากหรือน้อยเกินไป ซึ่งจะทำให้ผลกำไรน้อยลงครับhttp://www.farmthailand.com/990
เพิ่มความคิดเห็น
-
ปัจจัยที่จำเป็นต้องใช้
- ขันไข่ บ่อละ 5 ขัน
- ท่อปูนพร้อมฝาปิดท่อ ขนาดกว้าง 80 ซม. สูง 50 ซม. จำนวน 1 ท่อ หรือกะละมังพลาสติก ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง กว้าง 72 ซม. สูง 30 ซม. หรือจะเป็นภาชนะที่ใส่ได้ทุกขนาด
- ตาข่ายไนล่อนเขียว 100 x 100 ซม. จำนวน 1 ผืน
- แผ่นพลาสติก ขนาด 25 x 270 ซม. จำนวน 1 ผืน
- ยางรัดปากบ่อหนา 1 ซม. จำนวน 1 เส้น
- ถาดอาหาร-น้ำ กว้าง x ยาว = 5 x 10 ซม. ลึก 1.5 ซม. 2 ถาด
- กระบอกไม้ไผ่ ยาว 20 ซม. ผ่าครึ่งจำนวน 10 อัน หรือกระดาษรังไข่ 3 อัน
- ถาดหรือถุงพลาสติกใส่ดินร่วนปนทราย หนา 2 ซม.
- เศษหญ้าแห้งวางหนา 2 ซม.
- เทปกาว
ขั้นตอนการดำเนินงาน
- สร้างเรือนโรง หรือหลังคาป้องกันแดดและฝนโดยให้แดดส่องเช้าเย็น
- ปรับพื้นที่กำจัดมดและศัตรูจิ้งหรีด
- วางบ่อบนฝา ใช้ปูนผสมทรายฉาบปริ่มขอบภายในและภายนอก ป้องกันมดเข้าทำลายลูกจิ้งหรีด
- ติดแผ่นพลาสติกด้านบนขอบบ่อหรือกะละมังด้วยเทปกาว
- พันธุ์จิ้งหรีด หาพันธุ์ได้จากธรรมชาติ หรือซื้อได้โดยการคัดเลือกพ่อ-แม่พันธุ์ที่มีตัวโตแข็งแรง อวัยวะครบทุกส่วน ปัจจุบันได้พัฒนาการเลี้ยงในลักษณะขันไข่ โดยสามารถจัดซื้อจากฟาร์มเลี้ยงจิ้งหรีด เพื่อนำไปเลี้ยง ทำให้สามารถเก็บผลผลิตเป็นรุ่นๆ ได้
การให้อาหารและน้ำ
พืชอาหาร ได้แก่ ต้นอ่อนและยอดอ่อนของพืชหรือหญ้าสดทุกชนิด หญ้าขน หญ้าลูซี่ ผักตบชวา ใช้เลี้ยงจิ้งหรีดเจริญเติบโตเร็วและให้ผลผลิตสูง โดย 2 วัน ให้หญ้า 1 ครั้งๆ ละ 1 กำมือโดยหญ้าเก่าไม่ต้องนำออก จะเป็นที่อาศัยของจิ้งหรีดต่อไปอาหารเสริม รำอ่อน หรืออาหารสำเร็จรูปที่ใช้เลี้ยงไก่จิ้งหรีด 1 บ่อ ใช้อาหาร 3กก./รุ่น ราคาประมาณ 15 บาท/กก. อาหารเสริมควรให้ในปริมาณที่กินหมดภายใน 2 วันการให้น้ำ ขวดน้ำพลาสติกเจาะรูข้างขวด 2 รู ใช้ผ้าทำความสะอาดม้วนใส่รูเพื่อให้น้ำซึมสำหรับจิ้งหรีดวัยตัวอ่อนภาชนะสำหรับวางไข่จิ้งหรีด ใช้ดินร่วนปนทรายและแกลบเผาใส่ขันสำหรับอาบน้ำ ใช้ฟ๊อกกี้ฉีดน้ำทุก 3 วัน พอขึ้นไม่แฉะก่อนฉีดน้ำนำถาดอาหารออกก่อน ถ้าเปียกจะเกิดเชื้อรา ใช้เฉพาะในช่วงที่มีตัวเต็มวัยที่จะวางไข่วงจรชีวิตจิ้งหรีด
- ระยะไข่ รูปร่างยาวเรียว คล้ายเมล็ดข้าวสาร สีน้ำตาลอ่อน ความกว้างของไข่ 5.1 มม. ความยาว 2.38 มม.- ระยะตัวอ่อน ลำตัวสำน้ำตาลปนเหลือง ฟักออกจากไข่ช่วงแรกยังไม่มีปีก จะเริ่มมีตุ่มปีกในเมื่อถึงกลางวัยอ่อน พอลอกคราบ 8 ครั้ง จึงเข้าสู่วัยแก่ (รวมอายุวัยอ่อนระหว่าง 42 – 55 วัน)- ระยะตัวเต็มวัย มีปีก 2 คู่ เพศผู้ ปีกคู่หน้าย่น มีหนาม ไว้ทำเสียง เพศเมีย มีปีกเรียบ และมีเข็มวางไข่อยู่ส่วนท้ายของลำตัว อายุวัยแก่ประมาณ 38 – 49 วัน- การผสมพันธุ์ ตัวเต็มวัยอายุ 3 – 4 วัน จะเริ่มผสมพันธุ์ตัวผู้จะขยับปีกคู่หน้าถูกันให้เกิดเสียงหลายจังหวะ หลายสำเนียงในการสื่อสารความหมายต่างๆ สำหรับการผสมพันธุ์จะเกิดตลอดช่วงอายุตัวเต็มวัย โดยตัวเมียจะขึ้นคร่อมบนหลังตัวผู้- การวางไข่ ตัวเมียเริ่มวางไข่เมื่อผสมพันธุ์ผ่านไป 3 – 4 วัน แบ่งการวางไข่เป็น 5 รุ่น วางไข่ได้เฉลี่ย 1,200 – 1,700 ฟอง/จีง โดยวางไข่ไว้ใต้ดิน และฟักออกเป็นตัวเมื่อไข่อายุครบ 7 วันผลผลิต
เลี้ยง 1 บ่อ จะให้ลูกจิ้งหรีดในวัยที่สามารถเก็บผลผลิตได้ประมาณ 5 กก./บ่อ/รุ่นหมายเหตุ: จิ้งหรีดสามารถนำมาแปรรูปทำเป็นน้ำพริกนรก น้ำพริกตาแดง จิ้งหรดสามรส ผสมน้ำยาป่ากินกับขนมจีน ทำข้าวเกรียบ โดยเฉพาะจิ้งหรีดทอดเป็นที่นิยมบริโภคกันมากทุนการผลิตและผลตอบแทน
ต้นทุนการเลี้ยงจิ้งหรีด สามารถเลี้ยงได้ปีละ 5 รุ่น/บ่อ โดยมีค่าใช้จ่ายต่อบ่อ ดังนี้รุ่นที่ 1 (เริ่มเลี้ยง)- วัสดุในการเลี้ยง เทปกาว ลวดยางรัดบ่อ ตาข่ายมัด ถาดไข่ และหญ้าเลี้ยง = 300 บาท
- ค่าพันธ์ไข่จิ้งหรีด 5 รุ่นๆ ละ 50 บาท = 250 บาท
- ค่าอาหารจิ้งหรีด (อาหารไก่) 3 กก. = 50 บาท
รวม 600 บาทรุ่นที่ 2–5 (4 รุ่น)- ค่าอาหารจิ้งหรีด (อาหารไก่) 3 กก. 50 x 4 รุ่น = 200 บาท
รวมค่าใช้จ่ายในการเลี้ยง = 850 บาท/บ่อ/ปี
ผลตอบแทน
- จิ้งหรีดที่เลี้ยงมีผลผลิตได้ 5 กก./บ่อ/รุ่น ราคากิโลกรัมละประมาณ 100 บาท (ราคาส่ง)มีรายได้ 2,500 บาท (กำไรเฉลี่ย 1,700 บาท/บ่อ/ปี)แหล่งข้อมูลและสอบถามกลุ่มส่งเสริมการเลี้ยงผึ้งและแมลงเศรษฐกิจ
โทร/โทรสาร 0-2940-6102
E-mail : agriman64@go.thแหล่งที่มา : http://www.moac.go.th (กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ )0เพิ่มความคิดเห็น
-
0
เพิ่มความคิดเห็น
-
ข้อเสนอของนายสุเทพ ที่ให้ปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง โดยระบุว่า อาจต้องเลื่อนการเลือกตั้งออกไป 8 - 14 เดือนนั้น เป็นไปไม่ได้ เมื่อมีพระราชกฤษฎีกาโปรดเกล้าฯ ให้มีการยุบสภาฯ และเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 แล้ว จะไปหยุดยั้ง ขัดขวางได้อย่างไร จะทำตัวอยู่เหนือรัฐธรรมนูญได้อย่างไร วันนี้นายสุเทพน่าจะบ้าไปแล้ว ฝันกลางวันแล้วละเมอว่า ตัวเองยึดอำนาจสำเร็จ ไม่ฟังเสียงใครทั้งสิ้น ไปพบองค์กรเอกชนก็ไปข่มขู่เขา เอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ขอเรียกร้องให้นายสุเทพเคารพกติกา เคารพรัฐธรรมนูญ ถ้าชนะเลือกตั้งแล้วจะมาแก้กฎหมาย มาปฏิรูปอะไรก็เชิญเต็มที่ การกระทำของนายสุเทพวันนี้ไม่ได้ฟังเสียงของคนทั้งประเทศ ฟังแค่เสียงคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น จึงไร้ความชอบธรรม การกระทำหลายอย่างเหมือนกำลังปั่นป่วนสังคม ชื่อ กปปส. น่าจะย่อมาจาก กองกำลังปั่นป่วนสังคมมากกว่า
ที่มา :จากASTV http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=95600001535640เพิ่มความคิดเห็น
-
การสร้างตารางแจกแจงความถี่ ควรทำเป็นขั้นตอนดังนี้ 1. หาพิสัย (Range) โดย พิสัย = ค่าสูงสุด - ค่าต่ำสุด 2. ถ้าโจทย์กำหนดจำนวนอันตรภาคชั้นมาให้ เราต้องคำนวณหาความกว้างของแต่ละ อันตรภาคชั้น โดยใช้หลักเกณฑ์ดังนี้
ถ้า I เป็นทศนิยม ให้ปัดขึ้นเป็นจำนวนเต็มเสมอ ถ้าโจทย์กำหนดความกว้างของอันตรภาคชั้นมาให้ เราสามารถหาจำนวนของอันตรภาคชั้น โดยใช้หลักเกณฑ์ได้ดังนี้
ถ้าโจทย์กำหนดจุดกึ่งกลางมาให้ เราสามารถหาความกว้างของอันตรภาคชั้นได้ดังนี้ ความกว้างของอันตรภาคชั้น = ผลต่างของจุดกึ่งกลางของชั้นที่อยู่ติดกัน 3. เขียนอันตรภาคชั้นเรียงตามลำดับ แล้วดูว่าค่าจากการสังเกตแต่ละค่าของข้อมูลอยู่ในอันตรภาคชั้นใด ก็ให้ขีด “ |” ลงในอันตรภาคชั้นไปเรื่อยๆ จนครบทุกค่าจากการสังเกตของข้อมูล 4. นับจำนวนขีดในแต่ละอันตรภาคชั้นและสรุปออกมาเป็นจำนวน ซึ่งจำนวนดังกล่าวคือความถี่ (f)ตัวอย่าง จากข้อมูลต่อไปนี้ จงสร้างตารางแจกแจงความถี่ โดยให้มีอันตรภาคชั้นจำนวน 8ชั้น74 68 73 62 78 65 98 75 83 6976 64 75 70 91 86 78 58 54 651. หาพิสัย = ค่ามากที่สุด - ค่าน้อยที่สุด
= 98-5
= 452. หาความกว้างของอันตรภาคชั้น หรือจำนวนชั้น จากสูตร
4. ดูว่าค่าของข้อมูลแต่ละค่าอยู่ในอันตรภาคชั้นใด ให้บันทึกในช่องรอยขีด
จากข้อมูลข้างต้น ได้ตารางแจกแจงความถี่ดังนี้ (จำนวน 8 ชั้น)จากตารางข้างต้นเรียก 53 ว่า ค่าน้อยที่สุดของอันตรภาคชั้นที่ 1
เรียก 58 ว่า ค่ามากที่สุดของอันตรภาคชั้นที่ 1
เรียก 59 ว่า ค่าน้อยที่สุดของอันตรภาคชั้นที่ 2
เรียก 64 ว่า ค่ามากที่สุดของอันตรภาคชั้นที่ 2ขอบบนและขอบล่างของแต่ละอันตรภาคชั้น จากตารางแจกแจงความถี่ข้างต้น ถ้ามีค่าข้อมูลเป็น 64.8 เราจะต้องมีอันตรภาคชั้นที่ครอบคลุมค่านี้ ดังนั้นเพื่อให้อันตรภาคชั้นครอบคลุมค่าข้อมูลได้หมดทุกค่า แต่ละอันตรภาคชั้นต้องขยายออกไปข้างละครึ่งหนึ่งเรียก 58.5 ว่า ขอบบนของอันตรภาคชั้นที่ 1 หรือ ขอบล่างของอันตรภาคชั้นที่ 2จุดกึ่งกลางของอันตรภาคชั้น ในกรณีที่นำเสนอข้อมูลในลักษณะตารางแจกแจงความถี่เป็นอันตรภาคชั้น และเราไม่ทราบค่าข้อมูลเดิม แต่เราจำเป็นต้องนำค่าข้อมูลไปคำนวณ จึงต้องหาค่าใดค่าหนึ่งเป็นตัวแทนของค่าข้อมูลในอันตรภาคชั้นดังกล่าว ซึ่งคือค่าที่เป็นจุดกึ่งกลางของอันตรภาคชั้นนั้น โดยหาได้จาก
เรียก 64.5 ว่า ขอบบนของอันตรภาคชั้นที่ 2 หรือ ขอบล่างของอันตรภาคชั้นที่ 3
ดังนั้น อันตรภาคชั้น 53 – 58 จะครอบคลุมค่าข้อมูลตั้งแต่ 52.5 – 58
อันตรภาคชั้น 59 – 64 จะครอบคลุมค่าข้อมูลตั้งแต่ 58.5 – 64.5ตัวอย่าง จากตารางแจกแจงความถี่ข้างต้น
การแจกแจงความถี่สะสมความถี่สะสม (Commulative Frequency) ของค่าที่เป็นไปได้ค่าใดหรืออันตรภาคชั้นใด หมายถึง ผลรวมของความถี่ของค่านั้นหรืออันตรภาคชั้นนั้น กับความถี่ของค่าหรือของอันตรภาคชั้นที่มีช่วงคะแนนต่ำกว่าทั้งหมด หรือสูงกว่าทั้งหมดอย่างใดอย่างหนึ่ง (นิยมใช้ความถี่สะสมแบบต่ำกว่า)การแจกแจงความถี่สัมพัทธ์และความถี่สะสมสัมพัทธ์
ความถี่สะสมสัมพัทธ์ของอันตรภาคชั้นใด คือ อัตราส่วนระหว่างความถี่สะสมของ
อันตรภาคชั้นนั้นกับทั้งหมด ซึ่งอาจแสดงในรูปเศษส่วน ทศนิยม หรือร้อยละ
0เพิ่มความคิดเห็น
เพิ่มความคิดเห็น