1. กล้วยไม้ (Orchid) เป็นไม้ส่ง ออกสำคัญของไทย ในโลกมี กล้วยไม้ ในธรรมชาติมากกว่า 25,000 ชนิด นอกจากนี้ยังมีสายพันธุ์ที่ถูกสร้างโดยมนุษย์อีกไม่น้อยกว่า 30,000 ชนิด Orchidtropical "เรา" เป็นมากกว่าร้านค้า กล้วยไม้ ออนไลน์ที่นำเสนอ กล้วยไม้ สวยงามและโดดเด่นหลากหลายสายพันธุ์ให้คุณได้เป็นเจ้าของ "เรา" มีบทความและความรู้เกี่ยวกับ กล้วยไม้ รวมทั้งเรื่องราวที่น่าสนใจต่างๆอีกมากมายพร้อมนำเสนอให้คุณ

    นิยามศัพท์สินค้าในเว็บไซค์ออร์คิดทรอปิคอล







  2. ข้อได้เปรียบของการเข้าร่วมแฟรนไชส์ คืออะไร ? 
         ธุริจแฟรนส์เป็นธุรกจิที่ร่วมกันของบุคคล 2 ฝ่าย โดยที่ฝ่ายหนึ่งขาดซึ่งความรู้ ความชำนาญ คือ แฟรนไชซี่ และอีกฝ่ายหนึ่งเป็นผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ คือ แฟรนไชซอ หากแฟรนไชซอไม่สามารถสร้างให้แฟรนไชซี่ประสบความสำเร็จได้ ก็เป็นการยากที่แฟรนไชซอจะประสบความสำเร็จได้เช่นกัน ในทางกลับกันหากแฟรนไชซี่ประสบความส้มเหลวก็ย่อมส่งผลกระทบถึงแฟรนไชซอได้เช่นกัน การให้เข้าร่วมแฟรนไชส์จึงน่าจะมีข้อได้เปรียบ ดังนี้ 
    1. โอกาสแห่งความสำเร็จที่สูงขึ้น
             ในการทำธุรกิจใดๆ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะไม่ประสบความสำเร็จตามวัตถุประสงค์ที่วางไว้ เนื่องจากมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องมากมายแต่แนวคิดของการทำแฟรนไชส์ (franchisign) คือการดำเนินธุรกจิตามวิธีที่ได้ผ่านกระบวนการพัฒนาของแฟรนไชซอมาเป็นระยะเวลาแรมปี แล้วยังสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้โดยเป็นที่ยอมรับของตลาดซึ่งแสดงให้เห็นถึงความชำนาญและประสบการณ์ในการประกอบการดังนั้น โอกาสของการประสบความสำเร็จในฐานะแฟรนไชซี่จึงนับว่ามีสูงกว่าการประกอบธุรกิจอิสระของตนเอง
     
    2. ย่นระยะเวลาการเรียนรู้
            แฟรนไชซอได้ทุ่มเทเวลาและเงินไปเป็นจำนวนไม่น้อยเพื่อที่จะสร้างและพัมนาระบบ พร้อมกับได้บันทึกขั้นตอน ในการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในระดับหนึ่งออกมาเป็นคู่มือ ซึ่งแฟรนไชซี่จะได้รับประโยชน์จากการถ่ายทอด ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ความรู้ที่ถูกรวบรวมไว้นี้จากแฟรนไชซอ ดังนั้นจึงเป็นการประหยัดเวลาในการเรียนรู้ถึงวิธีการดำเนินธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาแล้ว สามารถเริ่มต้นธุรกิจได้ในทันทีและมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้นเร็วขึ้นเนื่องจาก ไม่เกิดการลองผิดลองถูก
     
    3. เครื่องหมายการค้าที่ได้รับการยอมรับ        เครื่องหมายการค้า/ บริการ เป็นทรัพย์สินที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของทุกๆ ธุรกิจ และเป็นสิ่งที่อาจจะเรียกได้ว่ามีค่าสูงสุดในบรรดาทรัพย์สินต่างๆ ยิ่งเมื่อธุรกิจนั้นประสบความสำเร็จ ทั้งนั้ก็เพราะเครื่องหมายการค้าเป็นเสมือนตัวแทนของธุรกิจต่อสายตาผุ้บริโภค เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความมีคุณภาพ มาตรฐาน หรือความแตกต่างใดๆ ของสินค้าหรือบริการของแต่ละธุรกิจ ธุรกิจแฟรนไชส์ก็เช่นกัน เนื่องจากเครื่องหมายการค้าเป็นสิ่งจำเป็นที่ควบคู่ไปกับการใช้สิทธิ์ ดังนั้นเมื่อธุรกิจของแฟรนไชซอได้ผ่านการดำเนินการมาระยะเวลาหนึ่ง ตราหรือเครื่องหมายทางการค้า/ บริการของแฟรนไชซี่ย่อมเป็นที่คุ้นเคยและยอมรับในระดับหนึ่งของผู้บริโภค ซึ่งแฟรนไชซี่ย่อมได้รับประโยชน์จากเครื่องหมายการค้า/ บริการ ที่ได้รับการยอมรับในตลาดแล้วไปด้วย ทำให้การเริ่มต้นธุรกิจของแฟรนไชซี่เป็นไปได้รวดเร็วกว่า เพราะไม่ต้องสร้างเครื่องหมายการค้าใหม่มาทำตลาดในพื้นที่ดังกล่าว
     
    4. การประหยัดต่อขนาดจากการซี้อทีละมากๆ
            ผู้ประกอบกิจการขนาดย่อมโดยทั่วไปมักพบว่าเป็นเรื่องยากที่ตนจะสามารถซื้อสินค้าและบริการในราคาถูกเนื่องจากปริมาณในการสั่งซื้อที่น้อย อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการทำแฟรนไชส์ (Franchising) แฟรนไชซอสามารถรวบรวมความต้องการสั่งซื้อสินค้าของแฟรนไชซี่เข้าด้วยกันและเพิ่มอำนาจต่อรองของตน ทำให้สามารถซื้อสินค้าและบริการในต้นทุนที่ถูกลง และแฟรนไชซี่ย่อมได้รับสินค้าหรือวัตถุดิบในราคาที่ถูกลงตามไปด้วยซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน
     
    5. การโฆษณาและสนับสนุนการขายร่วมกัน   
            โดยทั่วไปแล้วธุรกิจที่มีขนาดใหญ่เพียงพอเท่านั้นจึงจะสามารถรองรับค่าใช้จ่ายในการโฆษณา โดยเฉพาะการโฆษณาที่อาศัยสื่อแพงๆ เช่น หนังสือพิมพ์ วิทยุ หรือโทรทัศน์ได้
            ธุรกิจอิสระขนาดเล็กๆ เป็นจำนวนมากที่มีจำนวนสาขาไม่มาก เพราะเงินทุนไม่พอ การลงทุนค่าใช้จ่ายยิ่งเกิดขึ้นได้ยาก โดยเฉพาะการโฆษณาในระดับภาค หรือระดับประเทศ ดังจะเห็นตัวอย่างของร้านอาหารดังๆ ในจังหวัดต่างๆ ซึ่งก็เป็นผู้นำในตลาดมีผู้คนมากมายเป็นลูกค้า แต่ก็ไม่สามารถจะลงทุนการโฆษณาเพื่อสร้างชื่อเสียงและภาพลักษณ์ได้
            แต่ด้วยเหตุที่การขยายตัวของแฟรนไชส์ อยู่ภายใต้เครื่องหมายการค้าเดียวกันและเมื่อมีจำนวนสาขาที่เพิ่มขึ้นจากการลงทุนของทั้งแฟรนไชซอเองและการลงทุนชองแฟรนไชซี่ ซึ่งต่างก็เป็นเจ้าของกิจการร่วมระบบ ทำให้มีความได้เปรียบในเรื่องของความประหยัดต่อขนาดการลงทุนด้านโฆษณา สามารถส่งผลให้แก่ระบบโดยรวมได้โดยง่าย ก่อให้เกิดทั้งภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่ดีกว่าร้านค้าอิสะทั่วไปที่การขยายตัวช้ากว่าเพราะเงินทุนที่จำกัดกว่า ในทำนองเดียวกันแฟรนไชซอสามารถรวบรวมทรับพยากรเข้าด้วยกันเพื่อที่จะผลักดันให้เกิดการโฆษณาและส่งเสริมการขายร่วมกันในต้นทุนที่ต่ำ นอกจากนี้การทำแฟรนไชส์ ยังเป็นผลดีต่อการนำเสนอภาพลักษณ์ที่เข้มแข็งและสอดคล้องกัน ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการซื้อสินค้าและบริการจากแฟรนไชซี่


    6. การถ่ายโอนความเชี่ยวชาญ
            โดยปกติแฟรนไชซอจะมีการสั่งสมประสบการณ์และความชำนาญในการประกอบธุรกิจ เมื่อมีการขายสิทธิ์แฟรนไชซอจะให้ความสนใจกับการถ่ายทอดความรู้ต่อแฟรนไชซี่ เพื่อส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จ เนื่องจากความสำเร็จและผลกำไรของแฟรนไชซอย่อมเกี่ยวโยงกับความสำเร็จของแฟรนไชซี่โดยตรง



    7. การฝึกอบรม

            แฟรนไชซี่ย่อมได้รับการฝึกอบรมแนะแนวทางจากแฟรนไชซอ เพื่อช่วยส่งเสริมให้ประกอบการได้ดีขึ้นภายใต้มาตรฐานที่เป็นหนึ่งเดียว

    8. บริการช่วยเหลือจากแฟรนไชซอ        แฟรนไชซี่สามารถรับากรบริการช่วยเหลือจากแฟรนไชซอในต้นทุนที่ต่ำ ยกตัวอย่างเช่น ความช่วยเหลือในการรับสมัครพนักงานทำบัญชี ย้ายที่ตั้งไปสู่ทำเลที่ดีขึ้น และอื่นๆ 
    ข้อเสียเปรียบของการเข้าร่วมแฟรนไชส์ คืออะไร? 
    แม้ว่าการทำแฟรนไชส์ (franchising) จะเป็นแนวคิดที่ดีแต่ก็ไม่ได้เป็นรูปแบบที่ดีที่สุดเนื่องจากการทำแฟรนไชส์ยังมีข้อจำกัดหรือไม่เหมาะสำหรับบางคน ในเรื่องต่างๆ พอสรุปได้ดังนี้ 
    1. สูญเสียอิสระภาพในการดำเนินธุรกิจ
            ดังที่ได้กล่าวแล้วว่าแนวคิดของการทำแฟรนไชส์ คือ การดำเนินธุรกิจตามวิธีที่ได้รับการพัฒนาจากแฟรนไชซอ การดำเนินธุรกิจตามรูปแบบที่กำหนดไว้เท่านั้นที่จะเป็นเครื่องรองรับความสำเร็จของแฟรนไชซี่ ดังนั้น แฟรนไชซี่จึงไม่มีอิสรภาพเต็มที่ต่อการตัดสินใจอย่างเช่น ควรขายสินค้าอะไรที่ราคาเท่าใด หรือเมื่อไหร่ที่จะเสนอขายสินค้าลดราคาและอื่นๆ นอกจากนี้แฟรนไชซี่ยังไม่สามารถตัดสินใจกระทำการใดๆ เพียงลำพังเนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของแฟรนไชซอ หรือของแฟรนไชซี่รายอื่นๆ อย่างไรก็ตามยังมีแฟรนไชซอจำนวนไม่น้อยให้ความสำคัญกับการปรึกษาหารือกับแฟรนไซซี่อย่างสม่ำเสมอเพื่อทราบความต้องการของลูกค้าซึ่งมีความต้องการที่แตกต่างกันในแต่ละท้องที่ 
    2. ไม่มีหลักประกันความสำเร็จ
            ถึงแม้จะมีโอกาสสูงในการประสบความสำเร็จจากการซื้อแฟรนไชส์ แต่อาจกล่าวได้ว่าไม่มีหลักประกันที่แน่นอนในเรื่องนี้ ทั้งที่ในแง่ของแนวคิดแล้วแฟรนไชส์นั้นจะดูดีก็ตาม เนื่องจากความเสี่ยงทางธุรกิจสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยที่ทำให้ประสบความล้มเหลวทั้งที่เกิดจากตัวแฟรนไชซี่เอง หรือเกิดจากแฟรนไชซอ เช่นเรื่องการขาดเงินทุนที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจ ขาดวิสัยทัศน์ในการเลือกทำเลที่ตั้ง แหล่งระบายสินค้าไม่เหมาะสม การที่แฟรนไชซี่ไม่สามารถปฏิบัติตามระบบของแฟรนไชซอ หรือคุณสมบัติของแฟรนไชซอที่ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากมีระยะเวลาในการดำเนินงานที่ยังไม่ได้พิสูจน์ความสำเร็จหรือได้รับการยอมรับจากตลาด

    3. ค่าใช้จ่ายสูง
            แฟรนไชซี่จำเป็นจะต้งอเสียค่าใช้จ่ายล่วงหน้าเพื่อการได้มาซึ่งลิขสิทธิ์ในการประกอบกิจการ นอกจากนี้แฟรนไชซี่ยังมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ อย่างเช่น เงินลงทุนเพื่อตกแต่งร้านค้า และค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่ายเป็นประจำสำหรับบิรการสนับสนุนที่ได้รับจากแฟรนไชซอ เมื่อรวมค่าใชจ่ายเหล่านี้เข้าด้วยกันจะพบว่าเป็นจำนวนเงินที่สูง ดังนั้นเงินจำนวนนี้จะคุ้มค่าต่อการลงทุนก็ต่อเมื่อแฟรนไชซี่ได้รับผลตอบแทนที่สูงเช่นกัน อย่างไรก็ดีนับว่าเป็นที่จะต้องมีการศึกษาอย่างรอบคอบ ก่อนตัดสินใจลงนามในสัญญาที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ต้องจ่ายให้กับแฟรนไชซอ


    ขอขอบคุณบทความดีๆทางอาชีพ
    แหล่งที่มา : http://www.jjthai.net/sme_story/franchise/3.php


    0

    เพิ่มความคิดเห็น




  3. ก๋วยเตี๋ยวหมูแปดริ้ว

    วันนี้ขอเสนอ ไอเดียธุรกิจเรื่องการขายก๋วยเตี๋ยว เพราะว่าก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารมื้อหลัก ที่คนนิยมกินแทนข้าว บางคนชอบมากๆอาจจะกินแทนข้าวในบางมื้อของวันเลยก็มี เพราะก๋วยเตี๋ยวมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ครบครัน

    อาหารตามสั่งที่คนนิยมสั่ง 1 ในนั้นต้องมีก๋วยเตี๋ยวอย่างแน่นอน อาชีพขายก๋วยเตี๋ยวน่าสนใจตรงที่ ใครก็ขายได้ อาศัยความขยันขันแข็ง มีใจรักอาชีพสุจริต เก็บหอมรอมริบ ก็สร้างตัวได้จากการขายก๋วยเตี๋ยวเลยก็มี หัวใจหลักของการขายก่วยเตี๋ยวนั้น มีไม่กี่อย่าง น้ำซุป เส้น เครื่องปรุง ที่ต้องมีสูตรเฉพาะ อร่อยไม่เหมือนใคร หม่นปรับปรุงพัฒนา คิดค้น จนเป็นที่ ถูกปากของผู้บริโภครับรองว่า ขายดิบขายดี

    ก๋วยเตี๋ยวหมูแปดริ้ว
    ก๋วยเตี๋ยวเทรนด์ใหม่สไตล์ญี่ปุ่น มีเอกลักษณ์ ขายง่าย รายได้ดี ลงทุนไม่สูง คืนทุนเร็ว รสชาติไทย สไตล์ญี่ปุ่น

    ลงทุนเบื้องต้น 10,000 บาท

    สิ่งที่จะได้รับ
    รายละเอียด รถเข็น และอุปกรณ์การขายก๋วยเตี๋ยว
    1.รถเข็นหมูก๋วยเตี๋ยวแปดริ้วพร้อมโครงป้ายโฆษณา 1 คืน
    2.ตู้โชว์สแตนเลส ขนาด 26 นิ้ว 1 ใบ
    3.หม้อก๋วยเตี๋ยว 3 ช่อง พร้อมหลุมลวก 4 หลุม พร้อมฝา 1 ใบ
    4.ตะแกรงคว่ำชาม 2 ช่อง 1 อัน
    5.ชามแกง 8 นิ้ว สีครีมขาวพร้อม โลโก้ 1-3 สี 60 ใบ
    6.ช้อนแกงด้ามยาวปลายงอนสีครีมมขาวพร้อมโลโก้ 1-3 สี 60 คัน
    7.ตะเกียบเมลามีน 10.5 นิ้ว สีครีมขาว (1x10 คู่) 6 ชุด
    8.ตะกร้อลวกเส้นสแตนเลส ลึก 4 นิ้ว กว้าง 4 เล็ก 1 อัน
    9.กระบวยสแตนเลสใหญ่ตักน้ำซุป 1 อัน
    10.ชามสแตนเลส 18 ชม. 2 ใบ
    11.ชามสแตนเลส 15 ชม. 1 ใบ
    12.ชามสแตนเลส 10.5 ชม. 3 ใบ
    13.ถังสแตนเลสใส่ถั่วงอก ลึก 10 นิ้ว กว้าง 12 นิ้ว 1 ใบ
    14.กล่องสแตนเลสใส่ ตะเกียบ และช้อน 5 กล่อง
    15.ชุดใส่พริกพวงสแตนเลส 5 ชุด
    16.โต๊ะเหล็ก (แบบพับได้) 5 ตัว
    17.เก้าอี้ พลาสติก 20 ตัว
    18.ถาดสแตนเลส กว้าง 8 นิ้ว ยาว 12 นิ้ว ลึก 2 นิ้ว 2 ใบ
    19.กรวยสแตนเลสสำหรับใส่ถุงกลับบ้าน 1 อัน
    20.กะละมังสแตนเลส ขนาด ยาว 8 นิ้ว ลึก 4 นิ้ว 2 ใบ
    21.ถาดสแตนเลส ยาว 17 นิ้ว กว้าง 12.5 นิ้ว ลึก 1.5 นิ้ว 1 ใบ
    22.ผ้ากันเปื้อน + หมวก 2 ชุด
    23.ถังแช่ 200 ลิตร 1 ใบ

    วัตถุดิบผลิตจากเครื่องจักรทันสมัย จัดส่งให้ทุกวัน อร่อยถูกหลักอนามัย ได้คุณค่าทางโภชนาการ
    1.ลูกชิ้นอนามัย
    2.หมูบดปรุงรส
    3.สามชั้นต้มซีอิ๊ว
    4.ตับหั่นชิ้นปรุงรส
    5.น้ำซุปเข้มข้น
    6.กระดูกข้อหมู
    7.กระดูกซุปหั่นชิ้น
    8.บะหมี่สด
    9.กากหมู-กระเทียมเจียว
    10.พริกเผา

    -อบรมหลักสูตรการปรุงหมูก๋วยเตี๋ยวแปดริ้ว
    -อุปกรณ์หมูก๋วยเตี๋ยวแปดริ้ว

    ที่มา http://ideabus.blogspot.com/search/label/%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%8B%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B9%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%A7
    0

    เพิ่มความคิดเห็น




  4. ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้

    สำหรับท่านที่กำลังคิดจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว วันนี้มีข้อมูลก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้ มาฝากให้ลองศึกษาพิจารณากัน เพื่อเป็นตัวเลือกก่อนการตัดสินใจ ก่อนเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวของท่าน
    ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้ มีที่มาจากแซ่ของคุณพ่อซึ่ง "แซ่ลี้" เหตุเกิดจากวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 สมนึก กัลยาธุวานนท์ ได้พลิกสถานการณ์ เป็นโอกาสที่ตยเองมองข้ามมานาน
    เริ่มต้นทำธุรกิจจากการที่ญาติของแฟนมีโรงงาน ทำลูกชิ้นเต้าหู้ (แคะ) สูตรโบราณดั้งเดิมที่หาทานยาก จากนั้น จึงคิดสูตรน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวขึ้นมา ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของทุกคนที่ได้รับประทาน

    รายละเอียดก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้เป็นก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นแคระ, ยำลูกชิ้น, ขนมจีบ, ชาลาเปา และขนมว่างตามฤดูกาล

    แฟรนไชส์ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเต้าหู้ นายลี้
    รายละเอียดการลงทุนของเฟรนไชส์
    รูปแบบการลงทุนแบบ A เงินลงทุน 200,000 บาท
    - เคาน์เตอรวางตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ตัว
    - เคาน์เตอร์วางหม้อน้ำชุป 1 ตัว ุ
    - ตะแกรงวางชาม 1 ชิ้น
    - ชุดลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว 1 ชุด
    - กรวย / ช้อนซุป 1 ชุด
    - ซ้อน / ตะเกียบ (คละ) 30 โหล
    - กล่องตะเกียบ 8 โบ
    - ชุดตวงพริก 8 ชุด
    - ถังถั่วงอก / ผักบุ้ง (สแตนเลส) 2 โบ
    - โต๊ะทานอาหาร (สแตนเลส) 8 ตัว
    - เก้าอี้ (สแตนเลส) 32 ตัว
    - ถังแก๊ส / อุปกรณ์ 2 ถัง
    - ชามก๋วยเตี๋ยวคละ 3 ขนาด 17 โหล
    - ขวดโหลเย็นตาโฟ 6 ใบ
    - ตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ตัว
    - แผ่นป้ายโฆษณาก่อนเปิดร้าน 1 ผืน
    - ป้ายเชลล์ชวนชิม 1 ชิ้น
    - ชุดฟอร์มพนักงาน 12 ขุด
    - หม้อน้ำซุป 2 ใบ
    - โถเครื่องปรุง 8 ใบ
    - ใบปลิว 500 ใบ

    **รายละเอียดรูปแบบ A อุปกรณ์เป็นสแตนเลส

    รูปแบบการลงทุนแบบ B เงินลงทุน 130,000 บาท
    - เคาน์เตอร์วางตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ตัว
    - เคาน์เตอร์วางหม้อน้ำชุป 1 ตัว
    - ตู้ก๋วยเตี๋ยว 1 ใบ
    - หม้อน้ำซุป 2 ใบ
    - ตะแกรงวางชาม 1 ชิ้น
    - ชุดลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว 1 ชุด
    - ชามก๋วยเตี๋ยวคละ 3 ขนาด 15 โหล
    - ขวดโหลเย็นตาโฟ 6 ใบ
    - โถเครื่องปรุง 8 โบ
    - กรวย / ช้อนซุป 1 ชุด
    - ช้อน / ตะเกียบ (คละ) 30 โหล
    - กล่องตะเกียบ 8 ใบ
    - ชุดตวงพริก 8 ชุด
    - ถังถั่วงอก / ผักบุ้ง (สแตนเลส) 2 ใบ
    - โต๊ะทานอาหาร (สแตนเลส) 8 ตัว
    - เก้าอี้ (สแตนเลส) 32 ตัว
    - ถังแก๊ส / อุปกรณ์ 2 ถัง
    - ใบปลิว 500 ใบ
    - แผ่นป้ายโฆษณาก่อนเปิดร้าน 1 ผืน
    - ป้ายเชลล์ขวนชิม 1 ชิ้น
    - ชุดฟอร์มพนักงาน 12 ชุด
    * รายละเอียดรูปแบบ B อุปกรณ์เป็นอะลูมิเนียม

    รูปแบบการลงทุนแบบ C เงินลงทุน 70,000 -100,000 บาท
    - รถเข็น 1 ชุด
    - ตู้ก๋วยเตี๋ยวสแตนเลส 1 ใบ
    - หมอน้ำซุป 1 ใบ
    - ชุดลวกเส้นก๋วยเตี๋ยว 1 ชุด
    - ถังถั่วงอก / ผักบุ้ง 2 ใบ
    - โต๊ะทานอาหาร (ธรรมดา) 4 ตัว
    - ชามก๋วยเตี๋ยว คละ 3 ขนาด 6 โหล
    - ขวดโหลเย็นตาโฟ 3 ใบ
    - โถเครื่องปรุง 3 ใบ
    - กรวย / ช้อนน้ำซุป 1 ชุด
    - ช้อน / ตะเกียบ 3 โหล
    - กล่องตะเกียบ 4 ใบ
    - ชุดตวงพริก 4 ชุด
    - เก้าอี้ (ธรรมดา) 16 ตัว
    - ถังแก๊ส / อุปกรณ์ 1 ซุด
    - ใบปลิว 300 โบ
    - ป้ายเชลล์ชวนชิม (ขนาดเล็ก) 1 ป้าย
    - ชุดฟอร์มพนักงาน 3 ขุด
    - เมนูอาหารพร้อมรูปภาพ 1 ชุด

    ตารางค่าใช้จ่าย
    หัวข้อ ค่าใช้จ่าย
    รูปแบบการลงทุนแบบ A 200,000
    รูปแบบการลงทุนแบบ B 130,000
    รูปแบบการลงทุนแบบ C 70,000 - 100,000

    ที่มา http://ideabus.blogspot.com/search/label/%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%8B%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%8A%E0%B8%B4%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B9%E0%B9%89%20%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B9%89
    0

    เพิ่มความคิดเห็น




  5. ขนมกุยช่าย

    ขนมกุยช่าย

    "ขนมกุยช่าย" หรือกูฉ่าย เป็นอาหารว่างที่อร่อยดีต่อสุขภาพ หากินได้ทั่วๆไปเหมาะทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่จะทำกุยช่ายให้อร่อยนั้นต้องมีเทคนิคนิดหน่อยที่เราต้องเรียนรู้
    มาลองดูวิธีทำกุยช่ายกันดีกว่า

    ส่วนผสมกุยช่าย
    แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย๕วง
    แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
    แป้งมัน 1 ถ้วยตวง
    น้ำมันพืช 1 ถ้วยตวง
    น้ำ 2 ถ้วยตวง
    ต้นกุยช่ายหั่นเป็นท่อน
    น้ำมันพืชอีก 2 ช้อนโต๊ะ

    วิธีทำไส้กุยช่ายมาเริ่มจากทำไส้กุยช่ายกันก่อน ต้นกุยช่ายตัดเป็นท่อนสั้นๆ 2 ถ้วยตวง ขยำกับเกลือป่นให้กุยช่ายนุ่ม
    ผัดกระเทียมทุบ ใส่ซีอิ๊วขาว ผัดจนกุยช่ายสุก กุยช่ายหั่น 2 ถ้วยตวง น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ พอผัดสุก เอาไว้ทำเป็นไสักุยช่าย

    วิธีทำแป้งขนมกุยช่าย
    ให้ผสมแป้งทั้ง 3 ชนิดเข้าด้วยกัน (แป้งข้าวเจ้า ข้าวเหนียว แป้งมัน) จากนั้นก็ให้นำ น้ำร้อนเดือดๆ มาเทลงบนแป้ง แล้วใช้ไม้พายค่อยๆ คลุกนวดแป้งให้เข้ากัน
    พอแป้งเริ่มอุ่นก็ใช้มือนวดไปเรื่อยๆ กวนให้แป้งเหนียวนุ่ม ไม่ติดมือ แบ่งแป้งเป็นก้อน เสันผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้วแผ่แป้งให้มนเป็นรูปถ้วย ตักใส่ไสักุยช่าย พับครึ่ง หรือจึงให้สวยงาม หรือพับให้
    เป็นรูปวงกลม วางในลังถึง นั่งให้สุกยกลง พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว ขายพร้อมกับ น้ำจิ้ม


    วิธีทำน้ำจิ้มกุยช่าย
    ผสมซีอิ๊วหวาน 2 ถ้วยตวง ,ซีอิ๊วขาว 1/4 ถ้วยตวง ,น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ,น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ ,จากนั้นคนให้เข้ากัน ใส่พริกชี้ฟ้าแดงโขลกละเอียด น้ำจิ้มขนมกุยช่าย
    1 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน


    *** อาจจะลองเปลี่ยนจากไสักุยช่าย เป็นไสัหน่อไม้ มันแกว เผือกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ไสักุ้งแห้ง 1/4 ถ้วยตวง ส่วนผสมทำเช่นเดียวกับไสักุยช่าย หรือจะนำขนมไส้กุยช่ายที่นึ่งสุกแล้วมาทอดจนเป็นสีเหลือง เป็นกุยช่ายทอด เพื่อให้ลูกค้ารับประทานกับน้ำจิ้มจะอร่อย เป้นอีกหนึ่งตัวเลือกให้ลูกค้าได้รับประทานไปอีกแบบหนึ่ง
    ขนมกุยช่ายทอด
    0

    เพิ่มความคิดเห็น




  6. ธุรกิจสุดฮิตใน พ.ศ.นี้ไม่มีอะไรเกิน การได้เปิดร้านกาแฟสด ที่บรรยากาศอบอุ่นสักแห่ง เชื่อว่าการได้เป็นเจ้าธุรกิจร้านกาแฟ อยู่ในใจใครหลายๆคนแน่ๆวันนี้


    กาแฟชาวดอย

    ภาพจากchaodoicoffee.com/franshine-set.php

    ร้านกาแฟ เป็นธุรกิจที่ได้รับความนิยมมาก กาแฟสดชาวดอย เป็นรูปแบบแฟรนไชส์ที่มีการลงทุนต่ำ ความเสี่ยงต่ำมาก ความคล่องตัวสูงโดยใช้รถกาแฟสด (Cart) ซึ่งรถดังกล่าวสามารถบรรจุ และจัดเก็บอุปกรณ์

    ภาชนะ วัตถุดิบ เพื่อใช้ในการจำหน่ายได้อย่าง สะดวก รวดเร็ว ทัยสมัย

    ปัจจัยในการตัดสินใจดำเนินการธุรกิจกาแฟสด ชาวดอย

    1. คุณภาพ เมล็ดกาแฟที่มีคุณภาพสูง จากประสบการณ์การคั่วตามพกรรมวิธีที่ดีจากชาวดอย

    2. รสชาด ด้วยเมล็ดกาแฟที่ดี จึงทำให้ได้รสกาแฟที่หอมกรุ่น และเข้มข้น

    3. การลงทุนต่ำ เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ และมีความคล่องตัวในการดำเนินการสูง ตามรูปแบบของผู้ลงทุน


    ตารางค่าใช้จ่าย

    หัวข้อ ค่าใช้จ่าย

    - ค่าค้ำประกันรถกาแฟสด 60,000

    - ค่าแฟรนไชส์ (ค่าลิขสิทธิ์รายปี)ปีถัดไป 12,000

    - ค่าแฟรนไชส์ (ค่าลิขสิทธิ์รายปี)ปีแรก 20,000

    - ค่าเช่ารถกาแฟสดรายเดือน 1,000

    - ชุดอุปกรณ์เปิดร้านใหม่ 65,000



    ชุดตัวอย่างแฟรนไชส์กาแฟชาวดอย

    ชุดประหยัด
    ไม่มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ (มีที่บดกาแฟในตัว), อุปกรณ์และวัตถุดิบชุดเล็ก
    เหมาะสำหรับการออกแบบร้านกาแฟสไตล์ความชอบส่วนตัว

    ชุดเล็ก
    มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ(มีที่บดกาแฟในตัว), อุปกรณ์บางรายการ และวัตถุดิบชุดเล็ก
    ร้านกาแฟสดขนาดกะทัดรัดทันสมัยเข้าได้ทุกสถานที่ เหมาะสำหรับมุมเล็กๆ
    ใช้้พื้นที่ประมาณ 1.5 ตารางเมตร


    ชุด มินิบาร์
    มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ(มีที่บดกาแฟในตัว), อุปกรณ์ครบชุดและวัตถุดิบชุดใหญ่
    ร้านกาแฟสดขนาดกะทัดรัดทันสมัยเข้าได้ทุกสถานที่เหมาะสำหรับมุมเล็กๆ
    ใช้้พื้นที่ประมาณ 1.5 ตารางเมตร


    ชุดรถเข็น

    มีบูทไม้, มีเครื่องชงกาแฟ(มีที่บดกาแฟในตัว) อุปกรณ์และวัตถุดิบชุดใหญ่
    ดีไชน์ทันสมัยสะดวกโดนใจ เหมาะสำหรับตึกสำนักงาน, ศูนย์อาหาร
    ใช้พื้นที่ประมาณ 2 ตารางเมตร ร้านกาแฟสดสำเร็จรูป



    Corner งบลงทุนประมาณ 300,000 บาท
    ร้านกาแฟสดขนาดกลางมาตรฐานเสมือนร้านใหญ่
    เหมาะที่จะเป็นส่วนหนึ่งของอาคารสำนักงาน บริเวณศูนย์การค้าทั่วไป
    ใช้พื้นที่ตั้งแต่ 5 ตารางเมตรขึ้นไป อาจมีที่นั่ง หรือไม่มีที่นั่งให้กับลูกค้าก็ได้


    Stand Alone Shop งบลงทุนประมาณ 800,000 บาท

    ร้านกาแฟสดมาตรฐานขนาดใหญ่มีเอกลักษณ์เฉพาะไม่เหมือนใคร
    เหมาะสำหรับเป็นอาคารพาณิชน์ อาคารอิสระ หรือร้านที่อยู่ในศูนย์การค้า
    ใช้พื้นที่ตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไป

    กาแฟสด ชาวดอย

    ที่อยู่ 139/13, 139/16-18 อาคาร B1 ชั้น2

    ซอยโชคชัย 4 ถ.ลาดพร้าว แขวงวังทองหลาง

    เขตวังทองหลาง กทม. 10310 ,โทรศัพท์ 0-2933-4191-4, 0-9104-4058

    ที่มา http://ideabus.blogspot.com/search/label/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2
    0

    เพิ่มความคิดเห็น



  7. กล้วยทอด

    กล้วยทอด หรือกล้วยแขก ประวัติและที่มาของกล้วยแขกทอด ไม่ทราบแน่ชัด แต่ข้อมูลที่มีน้ำหนักมากกล้วยแขกน่าจะเป็นอาหารที่มาจากวัฒนธรรมการปรุงอาหารของชาวอินเดีย ซึ่งจะใช้การทอด เหมือนกับถั่วทอด ซึ่ีงแตกต่างกับวัฒนธรรมการปรุงอาหารของไทย ซึ่งใช้ต้ม ปิ้ง ย่าง เป็นหลัก เช่น กล้วยบวชชี กล้วยต้มมะพร้าวขูดโรยน้ำตาล กล้วยปิ้ง ขนมกล้วยที่ต้องห่อใบตองย่าง บ้างก็ว่าเป็นขนมที่ชาวโปตุเกตุนำเข้ามาประเทศไทย เลยยังเป็นข้อถกเถียงกันเรื่อยมา ยังหาข้อพิสูจน์ไม่ได้

    ขายกล้วยแขกทอด อาชีพขายกล้วยทอดนั้นมีความน่าสนใจเพราะทำกำไรได้งาม บางเจ้กล้วยน้ำว้าาขายเป็น ร้อยๆหวีต่อวันเลยทีเดียว ทั้งนี้ความอร่อยของกล้วยทอดอยู่ที่การเลือกกล้วยสำหรับนำมาทอด ต้องเลือกกล้วยแก่ที่ตัดจากต้น ไม่ใช่ลักษณะกล้วยเหี่ยวบ่ม สูตรกล้วยทอดนั้นมีหลายสูตรเจ้าของสูตรจะไม่ค่อยเปิดเผยกันง่ายๆถือเป็นความลับของแต่ละคน วันนี้มีสูตรกล้วยแขกอร่อยๆมาฝากให้ทดลองทำกันดู 1 สูตร

    ส่วนผสมกล้วยแขกทอด(1หวี)
    - กล้วยน้ำว้าสุกหรือห่าม 1 หวี กล้วยน้ำว้าห่าม
    - แป้งสาลี 1 ถ้วยตวง
    - แป้งข้าวเจ้า 2 ถ้วยตวง
    - หัวกะทิ 1 ? ถ้วยตวง
    - มะพร้าวขูด 1 ถ้วยตวง
    - น้ำปูนใส 1 ถ้วยตวง
    - เกลือ 1 ช้อนชา
    - งาคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
    - น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ

    วิธีทำ
    1. ให้นำแป้งสาลีและแป้งข้าวเจ้า ผสมกับเกลือแล้วนวดกับหัวกะทิและมะพร้าวขูดให้เข้ากัน เติมน้ำปูนใสลงไปจากนั้นแล้วนวดต่อไปเรื่อยๆใส่งาคั่วลงไป
    2. นำกระทะมาตั้งไฟเลือกใช้ปานกลาง ใส่น้ำมันพืชลงไปกะให้ท่วมกล้วยที่จะทอด เมื่อน้ำมันร้อนให้นำกล้วยที่หั่นตามยาวประมาณ 3-4 ชิ้น/1 ลูก นำกล้วยมาชุบกับแป้งที่เตรียมไว้ ใส่ลงทอดในน้ำมัน จนเต็มกระทะ
    3. รอให้แป้งเหลืองกรอบและเนื้อกล้วยสุก ตักขึ้นพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน นำใส่ถุงกระดาษเตรียมขายให้ลูกค้า กล้วยทอดต้องทานใหม่ๆหลังทอดเสร็จจะอร่อยมาก

    ***สูตรแป้งกล้วยทอดนี้สามารถใช้ได้กับ มันทอด เผือกทอด ฟักทองทอด กล้วยตากทอด การขายเฉพาะกล้วยทอดอย่างเดียวนั้น อาจจะไม่เพียงพอ ลองมาสินค้าประเภทใกล้เคียงกันมาเป็นทางเลือกให้ลูกค้า เช่น ขนมไข่นกกระทา ข้าวเม่าทอด เป็นต้นเพราะเป็นสิ้นค้าประเภททอดเหมือนกัน

    0

    เพิ่มความคิดเห็น




  8. กระเป๋าแฟชั่น

    "กระเป๋าแฟชั่น"สุภาพสตรี มักจะเป็นของคู่กันซึ่งปัจจุบันนี้ ผู้หญิงหันมานิยมเลือกซื้อกระเป๋าถือและ
    กระเป๋าสะพายที่ทำจากวัสดุใยสังเคราะห์และวัสดุที่ไม่ใช่หนังสัตว์มากขึ้น เนื่องจากราคาไม่แพง มีน้ำหนักเบา ทำความสะอาดง่ายอีกทั้งมีรูปแบบและสีสันหลากหลาย ดังนั้นธุรกิจขายกระเป๋าจึงมี ลู่ทางที่สดใส โดยมีร้านกระเป็าอยู่ทั่วทุกหนแห่ง

    อาชีพอิสระที่น่าสนใจวันนี้จึงขอพูดเรื่องการเปิดร้านขายกระเป๋าแฟชั่นเพราะเป็นอาชีพที่สนุกและสนุก และมีรายได้ดี กลุ่มลูกค้าที่มาซื้อ ก็จะเป็นคนทำงาน พนักงานออฟฟิศพอซื้อไป เพื่อนเห็นก็ตาม บอกกันปากต่อปาก ทำให้มีทั้งลูกค้าประจำได้

    "กระเป๋าแฟชั่น"ทั่วไปจะเป็น พีวีซี คือ พลาสติกร้อยเปอร์เซ็นต์ กระเป๋าพียู คือ พลาสติกผสมหนัง มีความยืดหยุ่น ความเหนียว ความหนาบางทนมากกว่า ถ้าเป็นพลาสติกอย่าง เดียว เวลาใช้ไปมันจะแตก มันจะร่อนออกไม่ทนนาน ทน แบบจะ กระเป๋าที่ได้รับความนิยม จะเป็นขนาดกลางกึ่งแฟชั่นออฟฟิศ ราคาตั้งแต่ 200 – 3,000 บาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้

    สำหรับท่านที่อยากจะลองขายกระเป๋าแฟชั่น ต้องสำรวจตัวเองก่อนว่า ชอบหรือเปล่า เรามีความเหมาะสมกับอาชีพค้าขายหรือเปล่า เสร็จแล้วก็ลองสำรวจว่ามีตลาดที่ขายส่งสินตค้าที่ไหนบ้าง
    ทำเลค้าขายที่เราจะไปลง มีที่ไหนบ้าง ราคาค่าเช่า เท่าไหร่ ต้องใช้ทุนมากน้อยแค่ไหน แหล่งค้าส่งกระเป๋าราคาถูกใน กรุงเทพฯก้อยู่แถว ตลาดสำเพ็ง ตลาดนัด188

    หรือจะลองโทรสอบถามขอมูลเพิ่มเติมกับคุณ อรอุมา เพ่งพานิชย์(อ้อม) ซึ่งประกอบอาชีพขายกระเป๋าอยู่แล้ว เพื่อลองติดต่อสอบถามศึกษารายละเอียดการขายกระเป๋าดูได้ ได้ โทร.08-1919-9064

    0

    เพิ่มความคิดเห็น




  9. ปลาหมึกย่าง


    ขายปลาหมึกย่าง พร้อมน้ำจิ้มปลาหมึกรสเด็ด

    ปลาหมึกย่างที่ใครๆหลายคนชอบกิน รวมทั้งผู้เขียนเองด้วย ความอร่อยอยู่ที่ปลาหมึกที่สด กรอบไม่คาว ราดด้วยน้ำจิ้ม เปรี้ยว หวานเผ็ด เข้มข้นถูกใจ

    วันนี้ ideabus จึงอยากแนะนำอาชีพเพิ่มเติมให้กับท่านที่กำลังสนใจอยากหารายได้เสริม เพิ่มจากงานประจำ แต่ถ้าทำดีๆอาจจะทำเป็นอาชีพหลักเลยก็ว่าได้

    สำหรับการลงทุนก็ไม่ได้มากมายอะไร

    อุปกรณ์ที่จำเป็นได้แก่ เช่น เตาย่าง ถาด ตะแกรง มีด เขียงไม้เสียบปลาหมึก ถุงพลาสติก เป็นต้น ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 บาท ก็สามารถขายปลาหมึกย่างได้แล้ว

    อุปกรณ์ในการหั่นปลาหมึก
    1.มีด 2. เขียง 3. กะละมัง 4. ตะกร้า 5. เกลือ 6. สารส้ม

    วิธีเลือกปลาหมึกดูอย่างไรว่าปลาหมึกสด
    คือเวลาจับแล้วเนื้อปลาหมึกต้องแข็งไม่เปื่อยยุ่ย กดดูไม่ยุบ หรือมีรอยบุ๋ม ไม่มีกลิ่นเหม็น

    วิธีการเก็บปลาหมึกให้สดนาน
    1. แช่ปลาหมึกในถังน้ำแข็ง โดยใส่ถุงพลาสติกมัดปากให้มิดชิด แล้วเอาน้ำแข็งโป๊ะทับไว้ข้างบนให้ท่วม เก็บได้นาน 3 วัน แต่ต้องคอยระบายน้ำแข็งที่ละลายออกอย่าให้มีน้ำค้าง ในถัง

    2.อย่าแช่ปลาหมึกในตู้เย็น ช่องฟรีช จะทำให้ผิวปลาหมึกไม่สวยเวลาย่างจะดูไม่น่ากิน เมื่อน้ำแข็งละลายแล้ว เนื้อปลาหมึกจะเป็นรู ผิวปลาหมึกไม่ตึงและมีฟองอากาศอยู่ในเนื้อปลาหมึก



    หนวดหมึก ส่วนที่อร่อยที่สุด
    หนวดปลาหมึกเป็นส่วนที่นิยมกินกันมาก มาดูวิธีเตรียมหนวดปลาหมึก
    ล้างทำความสะอาดหนวดปลาหมึก เอาปลาหมึกใส่กะละมัง เปิดน้ำให้ท่วมปลาหมึก แล้วใส่เกลือ 2ื-3 ช้อนโต๊ะอย่าใส่มากทำให้เนื้อปลาหมึกเค็ม หลังจากใส่เกลือแล้ว ใช้มือคนแรงๆ
    จนเกิดฟอง แล้วค่อยล้างยน้ำเปล่า แล้วเติมน้ำใหม่ ทำซ้ำแบบนี้อีก 3-4 ครั้ง ล้างจนน้ำเกลือและกลิ่นคาวปลาออกหมด จากนั้นค่อยหั่นหนวดปลาหมึก ขนาดเท่ากับกล่องไม้ขีดไฟ หรือเล็กใหย่แล้วแต่ราคาที่ขาย

    การล้างปากปลาหมึก
    แกะเขี้ยวปลาหมึกออกก่อน โดยสังเกตุจะมีสีดำๆ จากนั้นล้างด้วยน้ำเกลือ โดยผสมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะกับน้ำเปล่า ล้างจนสะอาดและหมดเกลือ

    การล้างไข่ปลาหมึก
    ไข่ปลาหมึกจะมีลักษณะเป้นวุ้นใสๆ ต้องใช้ความระมัดระวังสูง และต้องเบามือมากๆ ต้องระมัดระวังไข่
    เพราะแตกง่าย แต่กำไรดีมาก รสชาติอร่อย

    1. แกะกระดูกแข็งๆออกก่อน
    2. ล้างด้วยน้ำเปล่า1 ครั้งก่อน
    3.จากนั้นให้ล้างด้วยสารส้ม โดยใส่สารส้มลงในกะละมัง สารส้มจะทำให้ไข่ปลาหมึกแข็งขึ้น ไม่เละ

    การล้างตัวปลาหมึก
    การซื้อหมึกเลือกใช้ หมึกกระดอง ขนาดประมาณฝ่ามือ เนื้อกำลังกรอบอร่อย
    การล้างต้องล้างด้วยน้ำเหล้าอย่างเดียว ไม่ใช้เกลือ เพราะปลาจะเค็มง่าย

    การเสียบหนวดปลาหมึก
    การเสียบปลาหมึกให้เสียบเนื้อโนหนวดไปก่อน 2-3 ชิ้นป้องกันการลื่นหลุด แล้วค่อนเสียบหนวดปลาหมึก ตั้งราคาขายไม้ละ 30 บาท

    การเสียบไข่ปลาหมึก
    ต้องขนาดไข่ที่ใกล้เคียงกัน เพื่อความสวยงาม วิธีการเสียบ ถ้าไข่ปลาหมึกใหญ่ ให้เสียบ 3 ลูก ขนาดกลางเสียบ 4 ลูก ขนาดเล็กเสียบให้เต็มไม้

    วิธีเสียบปากปลาหมึก
    เลือกเสียบด้านข้างของปากให้เต็มไม้

    การเสียบตัวปลาหมึก
    ต้องเสียบตามยาว จากท้ายไปหาหัวปลาหมึก ไม่ให้ไม้โผลออกมา

    สูตรน้ำจิ้มปลาหมึกรสเด็ด
    สวนผสม
    พริกแดง 165 กรัม
    กระเทียมไทย 165 กรัม
    น้ำตาลทราย 600 กรัม
    ผงชูรส 2 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)
    เกลือป่น 65 กรัม
    รากผักชี 15 กรัม
    น้ำมะนาว 1 ถ้วย (ใช้แบบขวดก็ได้)

    วิธีทำ
    1.ใส่น้ำตาล เกลือ น้ำมะนาว ผงชูรสในภาชนะ คนให้ละลายเป็นเนื้อเดียวกัน
    2.ใส่รากผักชี กระเทียม พริกแดง มะนาว ลงในโถปั่น จากนั้นปั่นให้ละเอียดมากๆ
    3.ที่ผสมแล้วในข้อ 1 ลงในโถปั่น ปั่นต่อให้เข้ากัน
    4.จากนั้นค่อยใส่รากผักชี และบีบมะนาวสด

    การเก็บรักษาน้ำจิ้ม
    1. เก็บในตู้เย็นช่องธรรมดา จะอยู่ได้นาน 1 เดือน
    2. เก็บในถังน้ำแข็งอยู่ได้นาน 10 วัน
    ***ควรปิดภาชนะที่ใส่น้ำจิ้มให้มิดชิด

    การตั้งราคาขายปลาหมึกย่าง

    ไข่หมึก ไม้ใหญ่ 45 บาท
    ไข่หมึก ไม้กลาง 40 บาท
    ไข่หมึก ไม้เล็ก 35 บาท

    ปากปลาหมึกไม้ใหญ่ 35 บาท
    ปากปลาหมึกไม้กลาง 30 บาท
    ปากปลาหมึกไม้เล็ก 25 บาท

    หนวดปลาหมึกไม้ละ 30 บาท
    ตัวปลาหมึก ไม้ละ 50-70 บาท

    ***การตั้งราคา อาจจะขึ้นลงได้ตามความเหมาะสม

    0

    เพิ่มความคิดเห็น



  10. การขออนุญาตผลิตภัณฑ์อาหาร (ขอเครื่องหมาย อย.)



                 “อาหาร” ในพระราชบัญญัติอาหาร พ.ศ. 2522  หมายถึง “วัตถุทุกชนิดที่คนกิน  ดื่ม หรือนำเข้าสู่ร่างการ  แต่ไม่รวมถึงยา  วัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตประสาท  หรือยาเสพติดให้โทษ  นอกจากนี้อาหารยังรวมถึงวัตถุที่ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตอาหาร  วัตถุเจือปนอาหาร  สี  เครื่องปรุงแต่งกลิ่นรสด้วย”

                 ปัจจุบันนี้ประชาชนในท้องถิ่นต่าง ๆ ได้รวมตัวกันเป็นชมรมหรือสหกรณ์  นำวัตถุดิบที่ได้จากการเกษตรและการเลี้ยงสัตว์มาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพื่อบริโภคหรือจำหน่ายเป็นการช่วยลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ เช่น  เครื่องดื่มทำจากผลไม้ท้องถิ่น  เครื่องดื่มจากสมุนไพร  กะปิ  น้ำปลา  ขนมหวาน  อาหารขบเคี้ยว  เป็นต้น  ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้จะต้องสะอาด  ปลอดภัย  และมีคุณภาพหรือ

    มาตรฐานที่กฎหมายกำหนด  ผู้ผลิตอาจต้องขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมายก่อนที่จะผลิตเพื่อจำหน่ายต่อไป

                 อนึ่ง ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตเพื่อจำหน่ายมีจำนวนหนึ่งที่เป็นผลิตภัณฑ์ที่คาบเกี่ยวหรือก้ำกึ่งว่าจะเป็นยาหรืออาหาร  เพื่อป้องกันความสับสนในเรื่องนี้  สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจึงกำหนดแนวทางในการพิจารณาว่า ผลิตภัณฑ์ใดที่จัดเป็นอาหาร  ต้องมีลักษณะดังนี้

    1.                         มีส่วนประกอบเป็นวัตถุที่มีในตำราที่รัฐมนตรีประกาศตามพระราชบัญญัติยาและโดยสภาพของวัตถุนั้นเป็นได้ทั้งยาและอาหาร

    2.                         มีข้อบ่งใช้เป็นอาหาร

    3.                         ปริมาณการใช้ไม่ถึงขนาดที่ใช้ในการป้องกันหรือบำบัดรักษาโรค

    4.                         การแสดงข้อความในฉลากและการโฆษณาอาหารที่ผสมสมุนไพรซึ่งไม่จัดเป็นยานั้นต้องไม่มีการแสดงสรรพคุณเป็นยากล่าวคือป้องกัน บรรเทา บำบัด  หรือรักษาโรคต่าง ๆ 

    การแบ่งกลุ่มผลิตภัณฑ์อาหาร
                 อาหารแบ่งตามลักษณะการขออนุญาตผลิต  ออกเป็น 2 กลุ่มคือ

    1.                       กลุ่มอาหารที่ไม่ต้องมีเครื่องหมาย อย.

    อาหารกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่เป็นอาหารที่ไม่แปรรูปหรือถ้าแปรรูปก็จะใช้กระบวนการ

    ผลิตง่าย ๆ ในชุมชน  ผู้บริโภคจะต้องนำมาปรุงหรือผ่านความร้อนก่อนบริโภค  อาหารกลุ่มนี้ผู้ผลิตที่มีสถานที่ผลิตไม่เข้าข่ายโรงงาน (ใช้อุปกรณ์หรือเครื่องจักรต่ำกว่า 5 แรงม้า หรือคนงานน้อยกว่า 

    7คน)  สามารถผลิตจำหน่ายได้โดยไม่ต้องมาขออนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด  แต่ต้องแสดงฉลากอาหารที่ถูกต้องไว้ด้วย

    2.                       กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อย.

    อาหารกลุ่มนี้เป็นอาหารที่มีการแปรรูปเป็นอาหารกึ่งสำเร็จรูปหรืออาหารสำเร็จรูป

    แล้ว  ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้บริโภคในระดับต่ำ  ปานกลางหรือสูง  แล้วแต่กรณี ได้แก่ อาหารที่ต้องมีฉลาก  อาหารกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน  หรืออาหารควบคุมเฉพาะ  ดังนั้น จึงจำเป็นต้องขออนุญาตสถานที่ผลิตอาหารและขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร  หรือจดทะเบียนอาหาร  หรือแจ้ง
    รายละเอียดของอาหารแต่ละชนิดแล้วแต่กรณี  ได้ที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ

    สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด

    กลุ่มอาหารที่ไม่ต้องมีเครื่องหมาย อย.

                 อาหารกลุ่มนี้ ผู้ผลิตไม่ต้องขออนุญาตผลิตภัณฑ์  แต่ต้องแสดงฉลากตามที่กฎหมายกำหนด  นอกจากนี้หากสถานที่ผลิตเข้าข่ายโรงงานก็ต้องขออนุญาตตั้งโรงงานด้วย ดังนี้

    กลุ่มและชนิดของอาหาร เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต

    q        ผลิตภัณฑ์จากพืช

    ข้าวกล้อง, ธัญพืชต่าง ๆ , งา 

    เมล็ดถั่วแห้ง, พริกแห้ง,

    ข้าวเกรียบ (ไม่ทอด),

    ธัญพืชชนิดบด/ผง, พริกป่น

    q        ผลิตภัณฑ์จากสัตว์

    ปลาแห้ง, กุ้งแห้ง, รังนกแห้ง,

    ไข่เค็มดิบ, กะปิ, ปลาร้าผง/ดิบ,

    ปลาส้ม, น้ำบูดู, น้ำผึ้ง (ที่ผลิตจากสถานที่ผลิตไม่เป็นโรงงาน)









    q        อื่น ๆ

    เกลือบริโภค (เกลือป่น)
    1. กรณีสถานที่ผลิตเข้าข่ายโรงงาน  จะต้องยื่นขอตั้ง

    โรงงานผลิตอาหาร  พร้อมหลักฐานตามที่ได้กำหนดไว้ เพื่อขอรับใบอนุญาตผลิตอาหาร  ถ้าไม่เข้าข่ายโรงงานไม่ต้องยื่นขอ



    2.  ตัวผลิตภัณฑ์ไม่ต้องขอ อย. แต่ต้องแสดงฉลาก  ซึ่งข้อความในฉลากต้องแสดงชื่ออาหาร น้ำหนักสุทธิ (ของแข็ง, ผง)  หรือปริมาตรสุทธิ (ของเหลว) เป็นระบบเมตริก (เช่น กรัม กิโลกรัม ลูกบาศก์เซ็นติเมตร) (หรือ ซม.3 หรือ ลบ.ซม) ลิตร  มิลลิลิตร (หรือ มล.)  ชื่อและที่ตั้งของสถานที่ผลิต โดยมีคำว่า “ผลิตโดย” นำหน้าและวันเดือนปีที่ผลิต หรือหมดอายุ หรือควรบริโภคก่อนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศกระทรวงสาธารณสุข (ฉบับที่ 194) พ.ศ.2543 เรื่องฉลากอาหาร

    3.  กรณีเกลือบริโภคไม่ต้องขอ อย. แต่ต้องผลิตให้ได้มาตรฐานตามที่กำหนดไว้  ในประกาศในกระทรวง

    สาธารณสุขและต้องแสดงฉลาก




    กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อย.

                 กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อย. แต่ไม่ต้องส่งตัวอย่างอาหารตรวจวิเคราะห์

                 อาหารกลุ่มนี้ได้แก่  อาหารที่ต้องมีฉลากที่รัฐมนตรีมิได้กำหนดให้ส่งมอบฉลาก  ผู้ผลิตจะต้องขออนุญาตสถานที่ผลิตอาหารและผลิตภัณฑ์ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือสำนักงาน

    สาธารณสุขจังหวัดโดยใช้เอกสารและหลักฐานในการยื่นขออนุญาตดังนี้







    กลุ่มและชนิดของอาหาร เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต

    ·     เครื่องปรุงรสและน้ำจิ้ม เช่น 

    เต้าเจี้ยว, น้ำสลัด, ซอสน้ำมันหอย,

    น้ำจิ้มสุกี้, น้ำจิ้มไก่, น้ำจิ้มปลาหมึก, น้ำเกลือปรุงอาหาร

    ·     น้ำพริกที่สำเร็จรูปที่รับประทานได้ทันที เช่น

    น้ำพริกเผา, น้ำพริกนรก, น้ำพริกสวรรค์, น้ำพริกปลาย่าง, ปลาร้าทรงเครื่อง/แจ่วบอง

    ·     ผลิตภัณฑ์จากผลไม้

    เช่น กล้วยตาก, กล้วย/สาเก/ขนุน/ทุเรียนทอด/อบกรอบ, กล้วย/ สับปะรด/ทุเรียน/มะขาม/ขนุนกวน,มะม่วง/มะขาม/ฝรั่ง/มะกอก/มะยมดอง/มะม่วง/มะกรูด/มะขาม/บอระเพ็ดแช่อิ่ม,ชมพู่/มะยม/ฝรั่ง/

    มะเฟื่อง/มะม่วงหยี,ลูกหยี/มะขามคลุกน้ำตาล,ส้มแผ่น/ส้มลิ้ม,มะพร้าว/มะขาม/มะนาวดองแก้ว

    ·     ผลิตภัณฑ์จากสัตว์

    เช่น ไส้กรอก, แหนม , หมูยอ, ลูกชิ้น,กุนเชียง, เนื้อสวรรค์, ปลาแผ่น, หมูแผ่น, หมูหยอง, หมูทุบ, ปลากรอบปรุงรส, ปลาหมึกอบกรอบ, ไข่เค็ม

    ต้มสุก

    ·     ขนมและอาหารขบเคี้ยว

    เช่น ทองหยิบ, ทองหยอด, ทองม้วน,ขนมหม้อแกง, ขนมปังปอนด์, บิสกิต,คุกกี้, ข้าวเกรียบทอด, เมี่ยงคำ, ถั่วทอด ฯลฯ


    ·     กรณีสถานที่ผลิตเข้าข่ายโรงงาน  จะต้องยื่นขอตั้ง

    โรงงานผลิตอาหาร  พร้อมหลักฐานตามที่ได้กำหนดไว้  กรณีที่ได้รับใบอนุญาตผลิตอาหารแล้วให้ยื่นสำเนาใบอนุญาตผลิตอาหาร จำนวน 1 ฉบับ หรือ

    ·   กรณีสถานที่ผลิตไม่เข้าข่ายโรงงาน  ต้องยื่นคำขอ

    รับเลขสถานที่ผลิตอาหาร จำนวน 2 ฉบับ พร้อมหลักฐานที่กำหนดไว้  กรณีที่ได้รับเลขสถานที่ผลิตอาหารแล้วให้ยื่นสำเนาคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหาร จำนวน 1 ฉบับ และ

    ·     การรับเลขสารบบอาหาร (หรือเลข อย.) ของ

    อาหารแต่ละชนิด  จะต้องยื่นแจ้งรายละเอียดของอาหารภายหลังการยื่นขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตอาหารหรือยื่นคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหารโดยยื่นใบจดทะเบียนอาหาร/แจ้งรายละเอียดอาหาร จำนวน 2 ฉบับ  โดยให้เขียนเครื่องหมาย “3” เลือกใน o ขอแจ้งรายละเอียดอาหาร”  และเลือกว่าเป็นอาหารที่ผลิตในกรอบข้อความว่า “o ผลิต” พร้อมลงชื่อให้คำรับรองท้าย

    กลุ่มและชนิดของอาหาร เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต

    ·     ลูกอมและทอฟฟี่

    เช่น ลูกอมรสนม, ลูกอมรสมะขาม, ทอฟฟี่รสนม, ทอฟฟี่รสมะพร้าว

    ·     ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มที่ 1 ที่มีวัตถุกันชื้นหรือสารดูดออกซิเจนในภาชนะบรรจุ





                 กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อย. และรายงานผลการตรวจวิเคราะห์อาหารไว้ให้ตรวจสอบ

                 อาหารกลุ่มนี้ได้แก่ อาหารกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐานที่รัฐมนตรีมิได้กำหนดให้ส่งมอบฉลาก  แต่กฎหมายกำหนดในเรื่องคุณภาพหรือมาตรฐานของอาหารแต่ละประเภทไว้ให้ยื่นขออนุญาตผลิตต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)  โดยใช้เอกสารและหลักฐานในการยื่นของอนุญาต ดังนี้

    กลุ่มและชนิดของอาหาร เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต

    อาหารกำหนดคุณภาพหรือมาตรฐาน

    ·     น้ำส้มสายชู

    ·     น้ำมันสำหรับปรุงอาหาร

    เช่น น้ำมันหมู  น้ำมันงา  น้ำมันมะพร้าว  น้ำมันปาล์ม

    ·     น้ำแร่ ตามธรรมชาติ

    ·     ไข่เยี่ยวม้า

    ·     กาแฟ ชนิดคั่วเมล็ด/ผงสำเร็จรูป/ปรุงสำเร็จ

    ·     ชา ชนิดชาใบ/ผงสำเร็จรูป/ปรุงสำเร็จ

    ·     น้ำพริกแกง

    เช่น น้ำพริกแกงส้ม  น้ำพริกแกงเผ็ด
    น้ำพริกแกงเขียวหวาน

    ·     เครื่องปรุงรส

    เช่น ซอสมะเขือเทศ  ซอสพริก น้ำปลา ผลิตภัณฑ์ปรุงรสที่ได้จาการย่อยโปรตีนของถั่วเหลือง (ได้แก่ ซีอิ้วหรือ
    ·     กรณีสถานที่ผลิตเข้าข่ายโรงงาน ต้องยื่นคำขอตั้งโรงงานผลิตอาหาร จำนวน 1 ฉบับ  พร้อมหลักฐานที่กำหนดไว้  กรณีที่ได้รับใบอนุญาตผลิตอาหารแล้วให้ยื่นสำเนาใบอนุญาตผลิตอาหาร จำนวน 1 ฉบับ หรือ

    ·     กรณีสถานที่ผลิตไม่เข้าข่ายโรงงาน ต้องยื่นคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหาร จำนวน 2 ฉบับ  พร้อมหลักฐานที่กำหนดไว้  กรณีที่ได้รับเลขสถานที่ผลิตอาหารแล้ว ให้ยื่นสำเนาคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหาร จำนวน 1 ฉบับ และ

    ·     การรับเลขสารบบอาหาร (หรือเลข อย.) ของอาหารแต่ละชนิด จะต้องยื่นจดทะเบียนอาหารภายหลังการยื่นขออนุญาตตั้งโรงงานผลิตอาหาร  หรือยื่นคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหาร โดยยื่นใบจดทะเบียนอาหาร/แจ้งรายละเอียดอาหาร จำนวน 2 ฉบับ  โดยให้เขียนเครื่องหมาย “4” เลือกใน  o ขอจดทะเบียนอาหาร  และเลือกว่าเป็นอาหารที่ผลิตในกรอบข้อความว่า o ผลิต  พร้อมลงชื่อให้คำรับรอง

    กลุ่มและชนิดของอาหาร เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต

    ซอสถั่วเหลือง  ซอสปรุงรส)

    ·     แยม เยลลี่ และมาร์มาเลด





                 กลุ่มอาหารที่ต้องมีเครื่องหมาย อย.  และต้องส่งตัวอย่างอาหารตรวจวิเคราะห์

                 อาหารกลุ่มนี้ได้แก่  อาหารควบคุมเฉพาะกฎหมายจะกำหนดคุณภาพมาตรฐานเอาไว้ผู้ผลิตจะต้องส่งตัวอย่างวิเคราะห์ตามที่กฎหมายกำหนด  และนำผลวิเคราะห์มาประกอบการยื่นขออนุญาตผลิตต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)  หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)  โดยใช้เอกสารและหลักฐานในการยื่นขออนุญาดังนี้

    กลุ่มและชนิดของอาหาร เอกสารที่ใช้ในการขออนุญาต

    อาหารควบคุมเฉพาะ
    ·     เครื่องดื่มชนิดน้ำและผง  ที่ทำจากพืช/ผัก/ผลไม้/สมุนไพร/ธัญพืช/ถั่วเมล็ดแห้ง, น้ำตาลสด, เครื่องดื่มรังนก,กาแฟถั่วเหลือง

    ·     อาหารในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท

    เช่น อาหารกระป๋อง  อาหารบรรจุขวดแก้วที่ฝามียางรองด้านใน อาหารที่บรรจุกล่อง/ซอง/ถุงอลูมิเนียมฟอยล์ที่ปิดผนึก

    ·     นมและผลิตภัณฑ์นม

    เช่น นมโค  นมปรุงแต่ง  นมเปรี้ยว  ไอศกรีม เนยแข็ง เนย

    ·     น้ำดื่ม/น้ำบริโภคในภาชนะบรรจุที่ปิดสนิท

    ·     น้ำแข็งชนิดซอง/ก้อน


    ·     กรณีสถานที่ผลิตเข้าข่ายโรงงาน ต้องยื่นดังนี้

    1.             คำขอตั้งโรงงานผลิตอาหาร จำนวน 1 ฉบับ  หากได้รับอนุญาตแล้ว  ให้ยื่นสำเนาใบอนุญาตผลิตอาหาร จำนวน 1 ฉบับ พร้อมหลักฐานที่กำหนด

    2.             คำขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร จำนวน 2 ฉบับ

    3.             รายงานผลการตรวจวิเคราะห์ (ฉบับจริงพร้อมสำเนา อายุไม่เกิน 1 ปี) จำนวน 2 ชุด

    4.             ฉลากอาหาร จำนวน 5 ชุด

    ·     กรณีสถานที่ผลิตไม่เข้าข่ายโรงงาน  ต้องยื่นดังนี้

    1.             คำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหาร จำนวน 2 ฉบับ พร้อมหลักฐานที่กำหนด  กรณีที่ได้รับเลขสถานที่ผลิตอาหารแล้ว ให้ยื่นสำเนาคำขอรับเลขสถานที่ผลิตอาหารจำนวน 1 ฉบับ

    2.             คำขออนุญาตให้ฉลากอาหาร จำนวน 2 ฉบับ

    3.             รายงานผลการตรวจวิเคราะห์ (ฉบับจริงพร้อมสำเนาอายุไม่เกิน 1 ปี)

    4.             ฉลากอาหาร 5 ชุด


    ที่มา : สำนักคณะกรรมการอาหารและยา  กระทรวงสาธารณสุข
    0

    เพิ่มความคิดเห็น

คลังบทความของบล็อก
เกี่ยวกับฉัน
กำลังโหลด
มุมมองแบบไดนามิก ธีม. ขับเคลื่อนโดย Blogger.